ชนิดและกติกา โป๊กเกอร์ รู้ไว้ไม่มีหลง

โป๊กเกอร์ หลายคนอาจคิดว่ามีแค่แบบเดียวเพราะเป็นเกมที่เล่นยาก ใช้ทักษะระดับสูง แต่นั่นกลับทำให้โป๊กเกอร์ได้รับการพัฒนาต่อยอดออกมาอีกหลายรูปแบบ และแต่ละชนิดแต่ละแบบก็มีกติกาที่แตกต่างกันไป วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าโป๊กเกอร์นั้นแท้จริงแล้วมีกี่ประเภท แล้วมีกติกาอย่างไรบ้าง เวลาไปเล่นจะได้ไม่งง

ชนิดและกติกา โป๊กเกอร์ รู้ไว้ไม่มีหลง

Texas Hold’em

เป็นไพ่โป๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รูปแบบการเล่นคือผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่เริ่มต้นคนละ 2 ใบ เพื่อนำไปจัดชุดรวมกับไพ่กองกลางอีก 5 ใบ เพื่อให้ได้มือ (Hand) ที่ดีที่สุด โดยคนที่เรียงไพ่ได้ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะและได้รับเงินรางวัลจากกองกลางกลับไป หรือจะชนะโดยกดดันให้คนอื่นทิ้งไพ่ยอมแพ้หมดเลยก็ได้

Texas Hold’em โป๊กเกอร์

Omaha

เป็นโป๊กเกอร์ที่มีคนเล่นมากพอ ๆ กับ Texas Hold’em โดยมีการเปลี่ยนกติกาเล็กน้อยคือ ผู้เล่นแต่ละคนจะได้ไพ่ 4 ใบ และจะต้องใช้ไพ่ในมือ 2 ใบ มาผสมกับไพ่กองกลางที่มีอยู่ 5 ใบ เพื่อให้ได้มือที่ดีที่สุด ส่วนการวัดคะแนนยังคงใช้ลำดับไพ่เช่นเดียวกับโป๊กเกอร์ทั่วไป

Omaha โป๊กเกอร์

7/5 Stud

หรือที่เรียกกันว่าไพ่ Stud แบ่งออกเป็น 5 Stud กับ 7 Stud ซึ่งทั้งสองจะมีกติกาแตกต่างกัน ดังนี้

7-5 Studโป๊กเกอร์

5 Stud

ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับแจกไพ่คว่ำ 5 ใบ เมื่อครบแล้วก็ใช้ไพ่ 5 ใบที่ได้รับวัดคะแนนตามลำดับไพ่โป๊กเกอร์ คนที่ได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นผู้ชนะ

7 Stud

เกมนี้จะใช้ไพ่เล่นทั้งหมด 7 ใบ โดยแบ่งแจก 5 รอบ แต่ละรอบสามารถวางเดิมพันได้จนกว่าไพ่จะครบ ดังนี้

  • รอบที่ 1 แจกไพ่ 3 ใบ โดยสองใบแรกคว่ำ ใบสุดท้ายหงาย
  • รอบที่ 2 แจกไพ่หงาย 1 ใบ
  • รอบที่ 3 แจกไพ่หงาย 1 ใบ
  • รอบที่ 4 แจกไพ่หงาย 1 ใบ
  • รอบที่ 5 แจกไพ่คว่ำ 1 ใบ

เมื่อได้รับไพ่ครบทั้งหมด 7 ใบแล้ว ผู้เล่นจะต้องเลือกไพ่ 5 ใบมาวัดคะแนนกับผู้เล่นอื่นตามลำดับไพ่โป๊กเกอร์ ใครได้คะแนนเยอะก็เป็นผู้ชนะ

เรื่องตำแหน่งโป๊กเกอร์ (Position) ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพราะจะมีผลกับการตัดสินใจของเรา งั้นเรามาทำความ รู้จักกับตำแหน่งการนั่ง และ วิธีการเล่นโป๊กเกอร์ ด้วย Position

Mix Game Poker

เป็นเกมที่ผสมผสาน Texus Hold’em, Omaha และ Stud เข้าด้วยกันจนเกิดโป๊กเกอร์รูปแบบใหม่ และมีกติกายิบย่อยที่แตกต่างกันไป ปัจจุบันที่นิยมเล่นกันจะมีอยู่ 8 ประเภท คือ

Mix Game Poker โป๊กเกอร์

  • Limit 2-7 Triple Draw
  • Limit Hold’em
  • Limit Omaha Eight or Better
  • Razz
  • Limit 7 Card Stud
  • Limit Stud Eight or Better
  • No Limit Hold’em
  • Pot Limit Omaha

คำศัพท์พื้นฐานของ โป๊กเกอร์

ที่จริงแล้วโป๊กเกอร์เป็นเกมที่มีศัพท์เฉพาะเยอะมาก แต่สำหรับผู้เริ่มต้นแล้ว นี่คือศัพท์พื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้เอาไว้ก่อนเล่นหรือศึกษาโป๊กเกอร์ เพื่อจะได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

  • Button หมายถึง ปุ่มที่อยู่หน้าผู้เล่น หากอยู่ที่หน้าใครคนนั้นจะกลายเป็น Dealer หรือ Button โดยปุ่มนี้จะถูกเปลี่ยนไปให้ผู้เล่นอื่นตามเข็มนาฬิกาเมื่อเริ่มเกมใหม่
  • Dealer หมายถึง คนแจกไพ่ แต่ในโป๊กเกอร์จะหมายถึงคนที่ได้รับไพ่และเล่นเป็นคนสุดท้าย เปรียบเสมือนเป็นเจ้ามือ
  • Hold cards หมายถึง ไพ่ที่ได้รับแจกก่อนเริ่มเล่นเกม (Pre flop) โดยไพ่จะถูกคว่ำหน้าอยู่
  • Big blind (BB) หมายถึง ผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันเท่ากับขั้นต่ำของโต๊ะ เช่น โต๊ะกำหนดขั้นต่ำ 50 เหรียญ ก็ต้องลงเดิมพัน 50 เหรียญ มากหรือน้อยกว่านี้ไม่ได้ จะเล่นหรือไม่ก็ต้องวางเดิมพัน
  • Small Blind (SB) หมายถึง ผู้เล่นที่ถูกบังคับให้วางเดิมพันครึ่งหนึ่งของโต๊ะ เช่น โต๊ะกำหนดชขั้นต่ำ 50 เหรียญ ก็ต้องลงเดิมพัน 25 เหรียญ มากหรือน้อยกว่านี้ไม่ได้ จะเล่นหรือไม่ก็ต้องวางเดิมพัน
  • Flop หมายถึง ไพ่กองกลาง 3 ใบแรก จะถูกวางหงายไว้บนโต๊ะ
  • Turn หมายถึง ไพ่กองกลางใบที่ 4 ที่ถูกวางหวายไว้บนโต๊ะ
  • River หมายถึง ไพ่กองกลางใบที่ 5 ซึ่งเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ถูกวางหงายไว้บนโต๊ะ

ถ้าอยากจะเป็นนักเล่นโป๊กเกอร์มืออาชีพ คงต้องใช้เวลา พยายามตั้งใจเรียนรู้ฝึกฝนเพื่อให้เกิดความชำนาญ เราเองก็เลยไปหา 4 เทคนิคเล่นโป๊กเกอร์ จุดเริ่มต้นของมืออาชีพ มาให้เรียนรู้

กติกาการเล่น โป๊กเกอร์

  1. ผู้แจกไพ่จะทำการแจกไพ่ให้กับผู้เล่นทุกคน โดยเริ่มแจกไพ่ใบแรกจากตำแหน่ง Big blind ไปจบที่ Dealer แล้วค่อยเริ่มแจกไพ่ใบที่ 2
  2. หลังจากที่ได้ไพ่ครบกันแล้ว (ในกรณีที่เป็นการเล่นแบบแจกไพ่ flop) คนที่อยู่ซ้ายมือของ Big blind จะเป็นคนเริ่มเล่นก่อน
  3. เมื่อผู้เล่นได้เห็นไพ่ในมือแล้ว จะต้องตัดสินใจว่าจะเล่นด้วยตัวเลือกไหนจาก 4 ตัวเลือก ดังนี้
    Fold หมายถึง การหมอบ เป็นการยอมแพ้และไม่ขอเล่นต่อในเกมนั้น
    Call หมายถึง การวางเดิมพันตามจำนวนชิปเดิมพันสูงสุดที่ถูกวางบนโต๊ะในรอบนั้น
    Raise หมายถึง การเพิ่มชิปเดิมพันให้มีมูลค่าสูงสุดบนโต๊ะ การทำแบบนี้ตามกฎแล้วผู้เล่นอื่นจะต้อง Call เพื่อให้ชิปเดิมพันเท่ากัน หรือจะ Raise เพื่อให้เป็นชิปเดิมพันสูงสุดก็ได้ รวมถึงการตัดสินใจ Fold เพื่อยอมแพ้
    Check หมายถึง การขอผ่าน จะทำได้เมื่อชิปเดิมพันของเราเท่ากับชิปเดิมพันสูงสุดบนโต๊ะในตอนนั้น และเราก็ไม่ต้องการ Raise หากรอบนั้นทุกคน Check จนครบ ก็จะเคาะโต๊ะเป็นการส่งสัญญาณเริ่มเล่นรอบต่อไป
  4. ผู้แจกไพ่วางไพ่กองกลางใบที่ 4 (Turn) ลงบนโต๊ะ แล้วให้ผู้เล่นที่เหลืออยู่เริ่มเล่นรอบ Turn ด้วยตัวเลือกทั้ง 4 เหมือนเดิม
  5. รอบต่อมาผู้แจกไพ่จะวางไพ่กองกลางใบที่ 5 (River) ลงบนโต๊ะ และให้ผู้เล่นที่เหลืออยู่เล่นด้วย 4 ตัวเลือกเหมือนเดิมเป็นรอบสุดท้าย
  6. หลังจากที่เล่นกันครบทุกคนแล้ว หากยังมีผู้เล่นเหลืออยู่มากกว่า 1 คน ผู้เล่นที่เหลือจะต้องเปิดไพ่เพื่อวัดคะแนนกันตามลำดับไพ่โป๊กเกอร์ ผู้ที่ได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะและคว้าเงินกองกลางไปครอง

Similar Posts