รวมศัพท์โป๊กเกอร์ ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่เริ่มสนใจที่จะเล่นโป๊กเกอร์อย่างจริงจัง น่าจะเคยได้ยินมาบ้างว่าเกมที่ใช้ไพ่เพียงสำรับเดียวและมีกติกาที่เรียบง่ายแค่จัดไพ่ให้ได้คะแนนดีที่สุด กลับเป็นเกมที่เล่นยากที่สุด ชิงไหวชิงพริบมากที่สุด และกดดันยิ่งกว่าเกมไหน ๆ จนมีคนกล่าวไว้ว่ากว่าจะเริ่มต้นเล่นโป๊กเกอร์เป็นก็ต้องใช้เวลาฝึกกันนานนับปี เนื่องจากเกมนี้มีเทคนิคและศัพท์เฉพาะที่หลากหลาย ดังนั้นการรู้คำศัพท์เอาไว้จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราเรียนรู้ได้เร็วยิ่งขึ้น
ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับคำศัพท์โป๊กเกอร์ที่จัดว่าเป็นระดับพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น ตั้งแต่ประเภทเกม คำศัพท์เกี่ยวกับการเล่น ไปจนถึงการจัดลำดับไพ่ ถ้าพร้อมกันแล้วไปลุยกันเลย
เกมเล่นไพ่โป๊กเกอร์เป็นเกมที่นักเดิมพันรุ่นใหม่ สนใจเล่นกันเป็นอย่างมาก แม้จะต้องใช้เวลาฝึกฝนนานก็ตาม งั้นมาดูกันว่าสิ่งที่ต้องรู้อย่าง เรื่องพื้นฐานโป๊กเกอร์ สำหรับมือใหม่ มีอะไรต้องรู้บ้าง
คำศัพท์เกี่ยวกับรูปแบบเกม
แม้ว่าโป๊กเกอร์จะเป็นเกมที่เล่นยาก แต่ก็เป็นเกมที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้เกมนี้มีการนำไปประยุกต์จนเกิดโป๊กเกอร์รูปแบบใหม่ ๆ ที่พบเห็นกันในปัจจุบันก็จะมี
- 6+ Hole’em เป็นไพ่ที่มีรูปแบบคล้ายกับ Texax hold’em แต่จะใช้ไพ่เพียงแค่ 36 ใบ โดยตัดไพ่หน้า 2, 3, 4 และ 5 ออกไปทุกดอก
- Hyper turbo เป็นการเล่นโป๊กเกอร์แบบทัวร์นาเมนต์ จุดเด่นคือระดับ Blind จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- Limit poker เป็นเกมที่มีการกำหนดขั้นต่ำและขั้นสูงสุดของการวางเดิมพันเอาไว้
- No limit hold’em เป็นการเล่น Texas hold’em แบบไม่มีการจำกัดเดิมพัน
- Multi-table Tournament เป็นการแข่งขันโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ ที่เริ่มเล่นพร้อมกันหลายโต๊ะและคัดเอาเฉพาะผู้ชนะของแต่ละโต๊ะมาเล่นในรอบต่อไป จนถึงโต๊ะในสุด
- Stud 5 เป็นการเล่นโป๊กเกอร์ 5 ใบ แบบไม่มีไพ่กองกลาง
- Stud 7 เป็นการเล่นโป๊กเกอร์ 7 ใบ แบบมีไพ่กองกลาง
- Sit and go เป็นการแข่งขันโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์ที่จะเริ่มการแข่งขันเมื่อมีผู้สมัครครบแล้วเท่านั้น
- Single table tournament เป็นการแข่งขันโป๊กเกอร์ทัวร์นาเมนต์แบบโต๊ะเดียว และเงินรางวัลจะเป็นของผู้เล่นที่เหลือรอดจนถึงลำดับการจ่ายเงิน
- Texas hold’em เกมไพ่โป๊กเกอร์ที่นิยมเล่นกันมากที่สุด ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับไพ่ 2 ใบ จัดชุดร่วมกับไพ่กองกลางอีก 5 ใบ
เนื่องจากไพ่โป๊กเกอร์เป็นเกมที่เล่นยาก ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้คิดว่าการเล่นไป๊กเกอร์ไม่ได้มีแค่แบบเดียว เพราะการพัฒนาทำให้เกิดการต่อยอด แล้วมีเกมโป๊กเกอร์แบบอื่นๆเกิดขึ้น งั้นตามมาดูด้วยกันว่า ชนิดและกติกา โป๊กเกอร์ มีอะไรบ้าง
รวมศัพท์โป๊กเกอร์
จริงอยู่ที่โป๊กเกอร์นั้นจะมีหลายรูปแบบ และมีกติกาที่แตกต่างกันออกไป ถึงอย่างนั้นคำศัพท์ที่ใช้ในการเล่นก็ยังคงเหมือนเดิมและที่พบกันบ่อยก็จะมี
- Bet คือการวางชิปเดิมพัน
- Board คือไพ่กองกลางที่หงายหน้าไพ่ให้เห็น
- Call คือการวางเดิมพันตาม โดยทั่วไปจะต้องวางชิปให้เท่ากับเดิมพันสูงสุดที่ถูกวางลงไปในรอบนั้น
- Cap game คือเดิมพันสูงสุดที่ผู้เล่นสามารถเกทับได้ในแต่ละรอบ
- Check คือการปฏิเสธที่จะเล่นในรอบนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้เล่นวางเดิมพันเท่ากับเดิมพันสูงสุดในรอบนั้น
- Chop คือการแบ่งเงินกองกลาง (Pot) ในกรณีที่มีผู้ชนะมากกว่าหนึ่งคน อาจจะแบ่งเท่ากันหรือตามตกลงก็ได้
- Flop คือไพ่กองกลาง 3 ใบแรก ที่ถูกวางหงายหน้าไพ่ให้เห็นบนโต๊ะ จะมีเฉพาะโป๊กเกอร์ตระกูล Hold’em เท่านั้น
- Fold คือการทิ้งไพ่ เพื่อยอมแพ้ หรือที่เรียกกันว่า “หมอบ”
- Hold card คือไพ่ในมือผู้เล่น
- Kicker คือตัวคุมไพ่ จะถูกนำมาใช้เมื่อเกิดไพ่ชุดเดียวกันมากกว่าหนึ่งคน
- Raise คือการเพิ่มเงินเดิมพันให้มากกว่าคนที่วางเดิมพัน (Bet) ก่อนหน้านี้ หรือที่เรียกว่า “เกทับ”
- Re-buy คือการแลกชิปเพิ่มเพื่อเล่นต่อ หลังจากที่เทหมดหน้าตัก (All-in) หรือมีชิปเหลือน้อย
- Re-raise คือการเพิ่มเงินเดิมพันให้มากกว่าคนที่ Raise หรือเป็นการเกทับอีกครั้ง
- River คือไพ่กองกลางใบสุดท้ายที่ถูกหงายบนโต๊ะ
- Showdown คือการบังคับเปิดไพ่เพื่อวัดแต้มกันในกรณีที่มีผู้เหลือรอดมากกว่า 1
- Stack คือชิปของผู้เล่นแต่ละคนที่เหลืออยู่
- Street card คือไพ่กองกลางใน Stud 7
- Turn คือไพ่กองกลางใบที่ 4 ที่ถูกหงายบนโต๊ะ
คำศัพท์เกี่ยวกับลำดับไพ่โป๊กเกอร์ (Poker Hand Rankings)
ลำดับไพ่ (Hand Rankings) คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการตัดสินแพ้ว่าใครคือผู้ชนะในเกมโป๊กเกอร์ นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่เราต้องจำให้ได้อีกด้วย เพราะมันจะช่วยให้เรารู้ว่าไพ่ในมือกับไพ่กองกลางที่เห็นอยู่ตรงหน้าสามารถจัดชุดไพ่ไหนได้บ้าง รวมถึงการเลือกกลยุทธ์ต่าง ๆ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งลำดับไพ่จะเรียงจากใหญ่มาเล็กดังนี้
- Royal flush ชุดไพ่ที่ใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยไพ่เรียง A, K, Q, J และ 10 ที่มีดอกเดียวกัน
- Straight flush ชุดไพ่เรียงที่มีดอกเดียวกัน
- Four of kind ชุดไพ่แต้มเดียวกัน 4 ใบ
- Full house ชุดไพ่ที่มีไพ่ตอง 1 ชุด กับไพ่คู่อีก 1 ชุด
- Straight ชุดไพ่เรียงแต้มแบบคละดอก
- Tree of kind ชุดไพ่ที่มีไพ่ตอง 1 ชุด
- Two pair ชุดไพ่ที่มีไพ่คู่ 2 ชุด
- One pair ชุดไพ่ที่มีไพ่คู่ 1 ชุด
- High card ไพ่แต้มที่ไม่สามารถจัดชุดไพ่อะไรได้เลย